จังหวัดจันทบุรีเป็น 1 ใน 6 จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองเกษตรสีเขียว (Green Agriculture City) นายปรีชา โหนแหยม ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า โครงการเมืองเกษตรสีเขียวเป็นโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในลำดับต้น ๆ ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ โดยจังหวัดจันทบุรี เป็น 1 ใน 6 จังหวัดเป้าหมายของโครงการที่เน้นไปในเรื่องของ ผลไม้เมืองร้อนและการเลี้ยงกุ้ง เพื่อเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีและเหมาะสม รวมทั้งกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความมั่นคงทางอาหารเป็นฐานการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
สถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี ได้รับมอบหมายจากกรมพัฒนาที่ดิน ให้เป็นผู้ดำเนินการขับเคลื่อนเมืองเกษตรสีเขียวจังหวัดจันทบุรีด้านการพัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557-2561 มีเกษตรกรเป้าหมายจำนวน 2,200 ราย โดยในปีแรกจะดำเนินการในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าใหม่ ขลุง นายายอาม เมือง และแหลมสิงห์ ส่วนปีต่อไปก็จะขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 10 อำเภอของจังหวัดจันทบุรี โดยกิจกรรมที่สถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรีดำเนินการนั้น แบ่งออกเป็น 4 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย 1. การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดิน 2. ส่งเสริมการปรับปรุงบำรุงดินในสวนของเกษตรกร 3. ส่งเสริมการเก็บวิเคราะห์ตัวอย่างดิน 4. ติดตามผลการดำเนินงาน
นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เริ่มการจัดฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมาหลายรุ่น พบว่าเกษตรกรร้อยละ 80 ให้ความสนใจกับโครงการเมืองเกษตรสีเขียวเป็นอย่างดี มีการนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปผลิตปุ๋ยใช้เอง มีการปรับปรุงบำรุงดินตามคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดินมากขึ้น
...ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อเกษตรกรยอมรับแนวทางเมืองเกษตรสีเขียวและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจะสามารถพัฒนาการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภค ราคาสินค้าก็จะดีขึ้น เกษตรกรก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย ...ที่สำคัญจะสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดจันทบุรีในฐานะเป็นแหล่งผลิตผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีมีเกษตรกรรายหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ นายคำนึง ชนะสิทธิ์ อาศัยอยู่ที่ 6/1 หมู่ 12 บ้านชำปลาไหล
ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปลี่ยนพื้นที่ 30 ไร่ มาทำเกษตรอินทรีย์ 100% เดิมทำสวนไม้ผล ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ตั้งแต่ปี 2530 โดยมุ่งแต่จะให้ได้ผลผลิตมาก ๆ ใช้สารเคมีอย่างเต็มที่ กระทั่งในปี 2535 บริษัทนำเข้าสารเคมีทางการเกษตร ได้พาลูกค้าไปดูโรงงานผลิตที่ประเทศจีน ผู้ใหญ่คำนึง ก็ร่วมเดินทางไปด้วย และมีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่จีนด้วยทำให้ได้เห็นว่าเกษตรกรจีนไม่ใช้สารเคมีในการปลูกพืชเลย ทั้งที่จีนผลิตปุ๋ยและยาเคมีได้เอง ใช้เพียงปุ๋ยหมักที่ทำจากฟางข้าว มูลวัว ส่าเหล้า และผลไม้หมัก ใส่ในสวนที่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีทั้งลิ้นจี่ แอปเปิล กาแฟ หลังจากกลับมาก็หยุดการใช้เคมีทุกอย่าง โดยเริ่มทดลองจำนวน 1 ไร่ในปีแรกของการเริ่มต้น ปรากฏว่าต้นทุเรียนแสดงอาการขาดธาตุอาหารเหลืองทั้งต้น จึงตั้งใจว่าจะใส่ปุ๋ยหมักบำรุงต้น ด้วยความบังเอิญที่ทำกระสอบปุ๋ยหมักแตกใต้โคนต้นทุเรียน เวลาผ่านไปสังเกตเห็นทุเรียนต้นนั้นงามดีกว่าต้นอื่น ๆ ทำให้เกิดกำลังใจมุมานะขึ้น กระทั่งประสบความสำเร็จในปี 2538 ผู้ใหญ่คำนึงสรุปให้ฟังว่า ปุ๋ยเคมีสูตรไหนก็สู้ปุ๋ยอินทรีย์สูตรสมบูรณ์ไม่ได้ เป็นปุ๋ยที่ไม่แรงแต่ทำให้ต้นไม้มีผลผลิตที่ยาวนาน ถ้าเราดูแลดินให้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ ต้นจะแข็งแรง ไม่มีโรคแมลงมากวน
ทุกวันนี้รายได้ของสวนไม้ผลผสมผสานสมุนไพร ในพื้นที่ 30 ไร่ มีปริมาณผลผลิตใกล้เคียงกับสวนที่ใช้สารเคมี แต่ต้นทุนถูกกว่าสวนที่ใช้สารเคมีมากกว่าครึ่ง เพราะไม่ต้องลงทุนค่ายาเคมี รวมทั้งทุ่นราคาค่าแรงงานฉีดพ่นสารเคมี ผลผลิตก็มีราคาขายสูงกว่าปกติ แต่คุณภาพผลผลิตดีกว่ามาก ทุเรียนที่ปลูกในสวนอินทรีย์เมื่อเทียบกับแปลงที่ใช้เคมีพบว่ามีผิวสวย หนามสวย น้ำหนักดี เมื่อสุกได้ที่เนื้อทุเรียนจะมีสีเหลือง หวาน กรอบนุ่ม เนื้อเหนียว สุกทั่วถึงพร้อมกันทุกพู สำหรับผลผลิต 1 ตัน จะสังเกตว่าพบหนอนชอนเปลือกทำลายผลผลิตเพียง 10 กก. เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับสวนที่ใช้ยาฆ่าแมลงที่กลับพบว่าถูกทำลายมากกว่า คือผลผลิตเสียหายมากถึง 200 กก. สำหรับลองกองในสวนที่ปลูกในระบบอินทรีย์ จะมีรสหวาน กลมกล่อม ผลไม่แตก นอกจากรายได้ที่ได้จากการขายผลไม้แล้ว เกษตรกรยังมีรายได้เสริมจากการขายพืชสมุนไพรสดอีกด้วย
การปลูกไม้ผลผสมผสานของผู้ใหญ่คำนึงได้แนวคิดเรื่อง “ครอบครัวผลไม้” ซึ่งสังคมพืชก็เหมือนสังคมมนุษย์ที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้นในสวนผลไม้จะเห็นพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดปลูกใต้โคนต้น มีทั้ง กระวาน หน่อแดง ว่านสาวหลง เตยหอม ขมิ้น ขมิ้นอ้อย ตะไคร้หอม ซึ่งมีประโยชน์ในการไล่แมลง เพิ่มอินทรียวัตถุใต้ต้น ควบคุมความชื้นในดิน สมุนไพรเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันโรคไฟท๊อปโทร่าได้ผลถึง 80%
ผู้ใหญ่คำนึง ฝากข้อคิดให้ผู้มีใจมุ่งมั่นในการทำเกษตรอินทรีย์ว่า การทำเกษตรอินทรีย์ทำได้จริงเป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาแล้ว ทำแล้วดีจริงหรือไม่ ต้องลองทำดูเอา ซึ่งการลงทุนทำนี้ต้องลงทุนด้วยหัวใจ ที่มุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ได้ผลระยะยาว.
cr. http://www.dailynews.co.th/
TAG :
เครื่องมือเกษตร เครื่องมือการเกษตร เครื่องตัดหญ้า เครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า เครื่องพ่นยา เครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ บ้านและสวน ปั้มน้ำ เครื่องปั่นไฟ เครื่องยนต์เอนกประสงค์