สวนยางใกล้ตาย นัดบุกกรุงหลังปีใหม่ จี้รัฐแก้ราคายางตกต่ำ
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ว่าจะเข้าเสนอหนังสือต่อรัฐบาล เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ เพราะหลังจากมีการอนุมัติมาตรการพยุงราคายางมาแล้วใน 8 มาตรการ วงเงินหลายหมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้หลายมาตรการที่ขับเคลื่อนโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อ้างติดขัดระเบียบบางข้อ ทำให้มาตรการต่างๆล่าช้า แม้แต่การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวสวนยางไร่ละพันบาทจ่ายไปไม่ถึงหมื่นครัวเรือนจากเกษตรกรสวนยางที่ขึ้นทะเบียน 8.5 หมื่นครัวเรือน จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคายางตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการ อีกทั้ง ตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 จะเป็นฤดูที่มียางออกสู่ตลาดมากที่สุด และมีเหตุกดดันจากแนวโน้มราคาน้ำมันโลกตกต่ำ เป็นเหตุให้ราคาไม่ปรับตัวขึ้น
ด้านนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้นำชาวสวนยางกู้ชีพภาคใต้และเครือข่ายคนกรีดยาง 17 จังหวัดภาคใต้กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยางร้อนใจมาก เพราะยางราคาตกต่อเนื่อง ปัจจุบันนี้เหลือไม่ถึง 40 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 40 ปี จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยชาวสวนยางอย่างจริงใจและให้รับรู้ความทุกข์ยากว่าขณะนี้คนกรีดยางลำบากมาก ไม่มีเงินแม้กระทั่งจะซื้อนมให้ลูกกิน
เตรียมจัดทัพบุกกรุง เร่งจี้รบ.แก้ไขด่วน
“ถ้าราคายางลดลงเหลือ 3 กก.ร้อย ชาวสวนยางจะเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลหลังปีใหม่ แม้จะมีกฎอัยการศึกก็เอาไม่อยู่ รวมทั้งขอเสนอให้รัฐบาลขึ้นทะเบียนผู้กรีดยาง เพื่อขอความสนับสนุนนำข้าวในโกดังที่มีจำนวนมาก มาแจกให้เกษตรกรกินดีกว่าเก็บไว้เฉยๆเพราะคนกรีดยางไม่มีรายได้พอเลี้ยงชีพ”นายสุนทรระบุ และว่า พร้อมกันนี้ให้เร่งแก้ไข พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทยที่จะเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนประกาศใช้ ปี 2558 ที่ต้องแต่งตั้งกรรมาธิการแปรญัญัติ จึงเสนอให้ได้แต่งตั้งเกษตรกรสวนยาง ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน เข้าเป็นคณะอนุกรรมาธิการด้วย เพื่อผู้เกี่ยวข้องเรื่องยางทั้งระบบ ได้แสดงข้อคิดเห็นในพ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย เพราะที่ผ่านมากฎหมายทุกฉบับ จะมีแต่ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมือง นั่งร่างกันอยู่ในห้องแอร์แล้วมาบังคับและควบคุมให้เกษตรกรทั้งประเทศเดินตาม สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จมาตลอด เพราะระบบต่างๆของรัฐขาดศักยภาพ จากนี้ไปเกษตรกรจะไม่ยอมรับเป็นอันขาด
จ.สตูล ขอกิโลละ70เท่าราคาปลาเค็ม
นักข่าวรายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้าน ที่ประกอบอาชีพทำสวนยางในจ.สตูลถึงปัญหาราคายางตกต่ำ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา เพราะชาวสวนยางเดือดร้อนหนัก รายได้ไม่พอปากท้อง โดยนางจ๊ะ หลีขาว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 2 อ.ละงู จ.สตูลกล่าวว่า ตนตื่นตั้งแต่ 03.00 น. เก็บน้ำยางมาขายให้พ่อค้า เวลา 10.00น.รายได้วันละร้อยกว่าบาท หากเป็นเดือนแล้วได้เดือนละประมาณ 1,400 บาทเท่านั้น ไม่พอค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนของลูก แม้จะซื้อปลาเค็มก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
เช่นเดียวกับ นายโฮ ยันติง อายุ 33 ปี ผู้รับซื้อน้ำยางกล่าวว่า ฝากให้รัฐบาลได้ช่วยปรับราคาน้ำยางกิโลกรัมละ 70 - 80 บาทก็พอ เพื่อที่จะมีรายได้วันละ 400 บาท ในการดำเนินชีวิตและเลี้ยงดู รวมถึงเถ้าแก่ต่างๆ จะได้อยู่ได้ ประกอบกับช่วงนี้ฝนตก ไม่สามารถกรีดยางได้ทุกวัน
จ.ตรัง ราคาตกสุดๆเหลือ3โล100
ส่วนที่จุดรับซื้อน้ำยางสด หมู่ 4 ต.นาตาล่วง อ.เมือง จ.ตรัง เกษตรกรชาวสวนยางพารา นำน้ำยางสดไปขายที่จุดรับซื้อภายในหมู่บ้านต่างบอกตรงกันว่า กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคายางตกต่ำมากในขณะนี้ โดยระบุว่า น้ำยางสดวันนี้ราคากก.ละ 38 บาท เท่านั้น เท่ากับเหมาจ่าย 3 กก.ราคา 100 บาท ตามที่ทุกคนหวั่นว่าราคาอาจจะตกต่ำ
ทั้งนี้ ชาวสวนยางพาราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขณะนี้เดือดร้อนหนักที่สุด เพราะแต่ละครอบครัวมีรายได้จากการกรีดยางวันละไม่กี่ร้อยบาท และไม่มีรายได้จากอาชีพอื่นมาช่วยเหลือครอบครัว พร้อมระบุขณะนี้ชาวสวนยางไม่เชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้ในเรื่องการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยเฉพาะแนวทางแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพของเกษตรกร
โดยนายธนเศรษฐ จงรักวิทย์ อายุ 44 ปี กล่าวว่า ตอนนี้มีรายได้จากการกรีดยางพารา 2 แปลง เหลือประมาณวันละ 700 บาท ยังต้องแบ่งกับครอบครัว จากเดิมที่เคยมีรายได้วันละ 5,000- 7,000 บาท ระยะยาวยังมั่นใจว่ารัฐบาลจะยุติปัญหาได้ แต่ระยะสั้นไม่มั่นใจเลย ไม่รู้ว่าราคายางพาราจะตกลงไปเหลือราคาเท่าไร
เช่นเดียวกับ นางเกสร จันด้วง อายุ 50 ปีกล่าวว่า ตอนนี้ชาวสวนได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากราคายางพาราตกลงมากเหลือกก.ละ 30 บาท แต่ค่าครองชีพ รวมทั้งรายจ่ายไม่ได้ราคาลดลง ทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ภาษีสังคม ลูกต้องเรียนหนังสือ อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือให้เร็วที่สุด อย่างน้อยให้ราคายางอยู่ที่กก.ละ 60-70 บาท ชาวสวนก็รับได้แล้ว
สำหรับความก้าวหน้าการไต่สวนคดีระบายข้าวรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์กับพวกถูกกล่าวหา ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)กำลังปฏิบัติหน้าที่นั้น นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ต้องติดตามกันต่อไปว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวได้เข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนฯครบถ้วนแล้ว คาดว่าจะสามารถสรุปจนแล้วเสร็จได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็ถึงคนนั้น โดยเฉพาะตัวการใหญ่ที่ต้องถูกจัดการก่อน