ตัดชำไม้ดอกไม้ประดับ รายได้ดีมีอนาคต
คุณนันทวัฒน์ เกตุแก้ว หรือคุณชัย แห่งสวน “น้องเฟริสท์” “ลุงพงศ์” สองสวนอยู่ติดกัน เหตุที่มีชื่อสองสวนก็เพราะสวนนี้สืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นลูก และกำลังจะสู่รุ่นหลาน คุณชัยเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนก็เป็นลูกจ้างทำงานในเมืองด้านช่างเทคนิค เพราะร่ำเรียนมาทางช่างอุตสาหกรรม ทำงานในเมืองก็ดีแต่วุ่นวาย และเงินไม่เหลือ เสียค่าเช่า ค่ากิน ค่าอยู่ ดูมันแพงไปหมด ไม่มีเงินเก็บ
“คิดได้ดังนี้เลยกลับบ้านธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับของตนเองซึ่งตกทอดมาจาก พ่อ-แม่ จึงได้กลับไปช่วยเพราะพ่อ-แม่ก็อายุมากแล้ว ประกอบกับเป็นธุรกิจที่เห็นพ่อ-แม่ ญาติพี่น้องทำมาตั้งแต่เด็ก ตนเองก็ช่วยทำอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหาเรื่ององค์ความรู้ โดยเฉพาะพืชหลักที่จำหน่ายได้ตลอดเวลา ทั้งชบาหลากสี เข็มหนวดปลาหมึก โมก ม่วงมงคล ฯลฯ ตอนแรกที่ลงมือทำอย่างจริงจังเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะส่วนตัวถือว่าเริ่มตันทำอาชีพที่เป็นของตัวเองก็ต้องแข็งขันเพราะต้องเรียนรู้อีกมาก แต่ต้องลงมือเองพร้อมกับภรรยาคอยช่วยดูแลลูกค้าอยู่หน้าร้านขาย”
คุณชัย บอกว่าผ่านมา 3-4 ปี สวนน้องเฟริสท์ เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าขายส่งที่มีอยู่ทั้งย่านตลิ่งชัน จตุจักร และบางใหญ่ ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อคราวละมาก ๆ จึงต้องเตรียมปักชำพันธุ์ไม้ให้พร้อมออกตลาดอยู่ตลอดเวลาดังนั้นงานแต่ละวันมีมากพอสมควร เริ่มจากเตรียมดินด้วยการนำขี้เถ้าแกลบลงถุงไว้เพื่อปักชำไม้ขนาดเล็ก ขณะเดียวกันถ้าเป็นไม้กระถางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ฟุต ต้องผสมกาบมะพร้าวราว 50:50 เมื่อเตรียมดินเพาะสำหรับปักชำแล้ว หากวันไหนมีคำสั่งซื้อก็จะต้องจัดเตรียมกิ่งที่เป็นทั้งไม้ใบ ไม้ดอก จัดตัดและปักชำ จากนั้นนำเข้าลงแปลงจัดเก็บคลุมผ้าพลาสติกตลอดแนวแปลงเพื่อบ่มต้น หรือกิ่งที่ปักชำให้ออกรากใช้เวลาอีกราว 1 เดือน เป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและขนานของพันธุ์ไม้ ส่วนไม้ที่ออกราก ลำต้นแข็งแรงแล้วจึงนำออกจากแปลง นำมาจัดวางกลางแจ้ง หมั่นรดน้ำให้สม่ำเสมอ เตรียมพันธุ์ไม้ออกสู่ตลาด
กรณีถ้าเป็นไม้กระถางขนาดใหญ่ บางครั้งก็ต้องดูแลด้วยการพ่นน้ำหมักชีวภาพ ที่ทำขึ้นเอง เพื่อให้ลำต้นแข็งแรงและแตกยอด ส่วนไม้กระถางและถุงเพาะขนาดเล็กไม่ต้องดูแลมากเพียงแต่ต้องให้ลำต้นที่ปักชำแข็งแรงเพาะว่าผู้ชำจะคำนวณเวลาตามที่ลูกค้าสั่งไว้แล้ว ขณะที่ฤดูกาลต่าง ๆ ตลอดจนเทศกาลสำคัญของช่วงปี ตลาดไม้ดอกไม้ประดับต้องการไม้ชนิดและประเภทใด ผู้เพาะจำเป็นต้องศึกษาเพื่อเตรียมพันธุ์ไมให้พร้อมสู้ตลาด ถือเป็นการคาดการณ์หรือพยากรณ์การตลาดเรื่องการบริหารจัดการการตลาดนี้
คุณชัย เรียนรู้จากสวนของลุงพงศ์ที่เป็นบิดา ผลจากการศึกษาเรียนรู้ด้านการตลาดทำให้คุณชัยมีลูกค้าประจำและมีไม้ชนิดต่าง ๆ พร้อมออกสู่ตลาด บางครั้งทำไม่ทันเพราะขาดแคลนแรงงาน ถึงขนาดต้องจ้างเด็กนักเรียนเข้ามาช่วยงานในการบรรจุดินลงถุงในช่วงวันหยุด ก็พอช่วยให้ทันการสั่งซื้อทันเวลานัดหมาย ด้านการบริหารจัดการในสวนของผู้ผลิตแต่ละรายไม่ต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับใครผูกใจลูกค้าประจำได้มากกว่ากัน เช่นได้ไม่ตามขนานและจำนวนที่ลูกค้าต้องการ คุณภาพของไม้เมื่อออกจากสวนไปแล้วแข็งแรง ลงปลูกแล้วเติบโตได้ผลดี การผูกใจลูกค้าลักษณะนี้จะทำให้มีลูกค้าประจำมากขึ้น
“ยังต้องขยันขึ้นอีกโดยเฉพาะการเรียนรู้ไม้สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มด้านการตลาดดีขึ้น เพราะถ้าไม่ศึกษาเรียนรู้จะทำให้เสียโอกาสถ้าลูกค้าถามถึง โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการไม้ไปจำหน่ายต่อย่านตลิ่งชัน บางใหญ่ มักจะให้เพาะไม้สายพันธุ์ใหม่ ๆ”
ปัจจุบันคุณชัยยังรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าตลอด มีรายได้ดีกว่าทำงานบริษัท มีเงินเหลือเก็บเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและเก็บออมเพื่อความมั่นคงในครอบครัว รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเดือนละ 40,000-50,000 บาทสบาย ๆ ที่สำคัญเป็นธุรกิจส่วนตัวที่ทำแบบพอเพียงแต่รายได้เกินพอ และยังอยู่กับครอบครัวเป็นธุรกิจที่ทำแล้วมีความสุข เนื่องจากอยู่กับดอกไม้ ใบหญ้า อนาคตคงต้องขยายสายพันธุ์ไม้เพิ่มขึ้น เพราะย่านคลองสิบห้า กำลังจะเป็นศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับอาเซียน เกษตรกรเองก็ต้องปรับตัวด้วยการขยายการผลิต ขยายตลาด คุณชัยก็อยู่ในกลุ่มที่ต้องการขยายพื้นที่เพาะเลี้ยง โชคดียังพอมีที่ทางอยู่บ้างเพราะขณะนี้ที่ดินย่านคลองสิบห้าราคาสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
“ธุรกิจเพาะเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับย่านคลองสิบห้า ยังมีอนาคตอีกไกล เกษตรกรย่านนี้กำลังขยายระบบการผลิตเพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัวขึ้น ผลการขยายตัวนี้น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับท้องที่อื่น ๆ ขยายตัวตามไปด้วย” คุณชัยกล่าวในที่สุด
ท่านใดสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ สวนน้องเฟริสท์ สวนลุงพงศ์ เลขที่ 149 หมู่ 3 ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก โทร. 08-5689-8844, 09-2763-8818 ได้ตลอดเวลา
ขอขอบคุณที่มา เกษตรกรก้าวหน้า
https://www.facebook.com/agriculturemag/posts/853766617994266?notif_t=notify_me